ความอ้วนและการลดน้ำหนัก ปัญหาโลกแตก ที่ทำได้ไม่กี่คน ^^ แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับมาฝากค่ะ
1. เลี่ยงเครื่องดื่มหวานๆ
ไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม น้ำหวาน โอเลี้ยง ชาดำเย็น รวมถึงเครื่องดื่มที่ใส่นมข้นหวาน นมเปรี้ยว นมปรุงแต่งรสต่างๆ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เบียร์ วิสกี้ เพราะเครื่องดื่มพวกนี้มีแคลอรี่สูงมาก ถ้าต้องการดื่มชาหรือกาแฟ ก็ไม่ควรใส่น้ำตาล ครีมเทียม หรือนมข้นหวาน อาจใส่นมพร่องมันเนย หรือน้ำตาลเทียมแทน ส่วนน้ำอัดลม สามารถดื่มได้เฉพาะน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเทียม เช่น ไดเอทโค้ก เป็ปซี่แม็กซ์ หรือดื่มโซดาจืด และถ้าต้องการดื่มนม ควรเลือกนมพร่องมันเนย หรือนมที่มีไขมันต่ำ
2. เลี่ยงของทอดๆ
พยายามเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยกระทะ เช่น อาหารผัด ของทอดทุกชนิด ถ้าจำเป็นควรเลือกใช้น้ำมันพืช ทางที่ดีควรลองหันมารับประทานอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม, นึ่ง, ปิ้ง, ย่าง, เผา, อบ เช่น แกงจืด แกงส้ม หลีกเลี่ยงแกงมันๆ เช่น แกงกะทิ ไม่ควรรับประทานอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าวสวย ขนมปัง หรือก๋วยเตี๋ยวในปริมาณที่มากเกินไป
3. ทานผัก ผลไม้เยอะๆ
ในแต่ละมื้อควรทานผัก ผลไม้ และน้ำเปล่าเยอะๆ เช่น ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล แตงโม ฝรั่ง ไม่ควรรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย ขนุน หรือผลไม้เชื่อม และผลไม้แห้งทุกชนิด
4. ลดขนมหวานๆ
งดทานขนมกินเล่น ขนมหวาน หรืออาหารที่มีกะทิ หรือน้ำตาลมาก เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมปังหวาน เค้ก สังขยา ลูกกวาด ช็อกโกแล็ต คุกกี้ ไอศกรีม แกงบวด รวมถึงของจุกจิกระหว่างมื้อด้วย
5. เลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
พยายามไม่ทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง หรือมีไขมันอิ่มตัวสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีแคลอรี่สูง อาทิ เนื้อมะพร้าว อาหารที่ประกอบจากกะทิ ไขมันสัตว์ เครื่องในและสมองสัตว์ ไข่แดง ไข่ปลาต่างๆ เนื้อสัตว์ที่มีมันปน อาหารที่มีส่วนประกอบของเนยสัตว์ หมูสามชั้น หมูบด ขาหมู รวมถึงหนังสัตว์ เช่น หนังหมู, เป็ด, ไก่ ไส้กรอก กุนเชียง อาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง ปู หอย ปลาหมึก สิ่งที่ควรรับประทานเลยก็คือ ปลา เนื้อหมู ไก่ หรือวัวที่ไม่ติดมัน
6. ไม่ทานจุกจิกขณะว่าง
ไม่ว่าจะดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือนั่งทำงาน ก็ไม่ควรรับประทานอาหารหรือขนมควบคู่ไปด้วย หากจำเป็นต้องทาน ก็ควรรับประทานช้าๆ เคี้ยวนานๆ ต้องดื่มน้ำเปล่าเป็นระยะๆ และที่สำคัญควรลดปริมาณอาหารที่ทานในมื้อเย็นให้น้อยลง
7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เมื่อทานได้ ก็ต้องรู้จักออกกำลังกายให้เป็น เราควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ วันละ 20-30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง เช่น วิ่ง เดิน เร็ว ขึ้นลงบันได ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เตะฟุตบอล เล่นเทนนิส หรือแบดมินตัน จำไว้เสมอว่า การที่น้ำหนักจะลดลงได้ พลังงานที่ใช้ต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับ ถ้าไม่สามารถออกกำลังกายได้ หรือออกกำลังกายได้น้อย ต้องลดพลังงานที่ได้รับลง คือ ควบคุมปริมาณอาหาร ถ้าไม่สามารถควบคุมอาหารได้ ก็ต้องเพิ่มการใช้พลังงาน ด้วยการออกกำลังกายแทน
ที่มา : https://health.mthai.com/howto/health-care/19277.html